Review เป็นเจ้าสาวโดยไม่คาดฝัน จัดงานแต่งงานตัวเองในประเทศญี่ปุ่น

ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีแฟนญี่ปุ่น แล้วมาจัดงานแต่งงานที่ญี่ปุ่นอีก ถึงแม้ว่าประเพณีและวัฒนธรรมจะไม่เหมือนกัน แต่ก็สนุกมากๆเลยล่ะค่า มาดูกันเถอะว่า ถ้าจะจัดงานแต่งงานในญี่ปุ่นต้องทำอย่างไรบ้าง

สวัสดีค่ะทุกคน ขอเกริ่นก่อนว่าเจ้าสาวเป็นคนไทยที่ได้ทุนมาเรียนปริญญาตรีในประเทศญี่ปุ่น
แล้วได้ตกหลุมรักหนุ่มญี่ปุ่น (แอร้ยย เขิลล) จึงได้ตกลงที่แต่งงานกัน หลังรับปริญญาค่ะ >////////<

ดูวันงานรับปริญญาของเราได้ที่  วันรับปริญญาในมหาลัย APU :: วันแห่งความสำเร็จของการเรียน 4 ปี Ritsumeikan Asia Pacific University

เจ้าสาวได้จัดงานแต่งงานที่ประเทศญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (มีวิดีโอโดยรวมทั้งหมดด้านล่างนะคะ)
ในวันที่ 26 ตุลาคม 2014 เป็นวันดีทั้งในญี่ปุ่น ไทย และจีนเลยค่ะ หาสถานที่ลงยากมากมาย >*< แต่ก็ได้สถานที่สวยดังใจหวังเลยยย

สถานที่จัดงาน คือ Marriyell เป็นสถานที่จัดงานแต่งโดยเฉพาะ พร้อมงานเลี้ยงที่นี่ด้วยเลยค่ะ

ต้องขอบอกเลยว่า จัดงานแต่งได้แบบปุปปัปมากๆ คือ ไปเลือกดูสถานที่ เดือนเมษายน จัดงานแต่งเดือนตุลาคม ใช้เวลาเตรียมตัวเพียง 6 เดือนเท่านั้นเอง

นึกว่าจะเตรียมตัวกันไม่ทันสะแล้ว เพราะเคยอ่านในพันทิป มีแต่คนบอกว่าต้องเตรียมตัวล่วงหน้ากันเป็นปี!

แต่โชคดีมากค่ะ ได้เพลนเนอร์ดีมากกกก คอยบอกตลอดเลยว่า แต่ละเดือนต้องทำอะไรให้เสร็จบ้าง จึงทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการเลย ถึงจะงงๆไปบ้าง แต่ก็สำเร็จไปด้วยดี มีความสุข อิอิ

อ้ออ งานแต่งของจี้ไม่ได้จัดแบบญี่ปุ่นนะคะ แต่งในโบสถ์ เพราะ เป็นความฝันที่อยากจัดงานแต่งเรียบง่าย สไตล์แบบในสวน และ เพราะ “อยากแต่งชุดเจ้าสาว และ อยากแต่งชุดไทย” ค่ะ 555555555

แต่ก็มีใส่ชุดกิโมโน ตอนพรีเวดดิ้งสำหรับแต่งงานซึ่งไม่ใช่ชุดสีขาว (เพราะส่วนตัวไม่ชอบนั้นเองค่ะ)

เป็นเจ้าสาวที่เรื่องมาก มากๆเลยค่ะ 5555555555

โดยปกติแล้ว ในวันงานแต่งงานจริง คนญี่ปุ่นจะแต่งชุดกิโมโนขาว หรือ ชุดแต่งงาน
(เลือกได้อย่างใดอย่างนึง เพราะพิธีจะเป็นได้แบบเดียว)

– ถ้าเลือกชุดกิโมโนขาว จะเป็นพิธีแบบญี่ปุ่น
พิธีจะอยู่ในศาลเจ้า หรือ ในสถานที่จัดงานแต่งโดยเฉพาะ

– ถ้าเลือกชุดแต่งงาน ก็จะมีพิธีในโบสถ์ (แบบที่จี้เลือกค่ะ)

หลังจากเลือกพิธีได้แล้ว ก็มาเลือกชุดที่จะเปลี่ยนสำหรับงานเลี้ยง (เรียกว่า ฮิโรเอ็น Hirouen, 披露宴) ค่ะ

คนญี่ปุ่นจะมีเปลี่ยนชุดในช่วงงานเลี้ยงด้วย ซึ่งส่วนมากเปลี่ยน 1 ครั้ง แต่บางคนเปลี่ยนถึง 3 ครั้งเลยก็มี
โดยปกติแล้ว ชุดสำหรับงานเลี้ยง คนญี่ปุ่นจะเลือกชุดแบบมีสีสัน แนวชุดแต่งงานเรียกว่า Cocktail Dress (カクテルドレス) หรือกิโมโนจะเรียก วะโซ (Wa-sou 和装)

รูปตามด้านล่างเลยค่ะ เผื่อใครนึกภาพไม่ออก

ส่วนพรีเวดดิ้ง หรือ เรียกว่า มะเอะโดะริ (maedori 前撮り) จะใส่ชุดอะไรก็ได้ค่ะ เหมือนที่ไทยเลย
นี่คือรูปช่วงพรีเวดดิ้งของจี้เองค่า ได้แต่งชุดกิโมโน ชุดแต่งงาน และ ชุดไทยที่หอบไปเอง

เอาล่ะค่ะ มาดูพิธีงานแต่งจริงๆกันเถอะ แต่งงานในโบสถ์ญี่ปุ่น

รูปอาจจะสีไม่เหมือนกัน เพราะ มีช่างกล้อง 2 คนนะคะ (ช่างกล้องในงานเลี้ยง กับ รุ่นน้องในมหาลัยมาถ่ายให้ค่า) จี้เอารูปมาผสมผสานกันสนุกสนานเลย 555555 เผื่อใครงงๆว่าสีแปลกๆ

1. งานของจี้เข้าโบสถ์ตอน 10.00น. และงานเลี้ยงเริ่มตั้งแต่ 11.00 เป็นต้นไปค่ะ

จี้เริ่มมาแต่งหน้า เตรียมตัว ตั้งแต่ 7.30 น. กว่าจะแต่งเสร็จก็เกือบ 9.30 ได้เลยล่ะค่ะ นานมากจริงๆ

หลังจากแต่งตัวอะไรเสร็จแล้ว ก็มีถ่ายรูปเล่น ก่อนเริ่มพิธีแถวๆห้องแต่งตัว

ตั้งแต่ตอนนี้ไป จะมีผู้ช่วย 2 คน คอยดูแลตลอด ไม่ว่าจะเรื่องหน้าผม และ ช่วยจัดชุดด้วยค่ะ

ขอแนะนำสถานที่หน่อยนะคะ จะได้ไม่งงกัน

– สถานที่แต่งตัวอยู่ตึกด้านขวามือสุด
– สถานที่จัดงานเลี้ยง จะอยู่เชื่อมกับโบสถ์เลยค่ะ
– คาเฟ่ คือ สถานที่ที่ไว้สำหรับแขกที่มาก่อนเวลาเริ่มงานมากกว่า 3 ชม.ไปค่ะ (มีน้ำ/คอกเทลต่างๆฟรี)

และขอแนะนำ เรื่อง Wedding Reception นิดนึง งานเลี้ยงที่ญี่ปุ่นคนจะไม่เยอะเหมือนที่ไทย
แขกที่มา คือ คนที่ตอบรับว่า “มาร่วมงานได้” จากการ์ดเชิญที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวส่งไปค่ะ
หรือคนที่คอนเฟิมได้ว่า “มาแน่นอน” เท่านั้น เพราะทางเราต้องนับจำนวนคน เพื่อจัดที่นั่งและโต๊ะค่ะ
เมื่อถึงเวลาก่อนเริ่มงานสัก 1 ชม. Wedding Reception ก็จะเปิดให้ลงทะเบียน (คนดูแลตรงนี้คือคนที่เราไว้ใจได้ เพราะต้องคอยรับซอง และ ของขวัญจากแขกค่ะ)ลงทะเบียนนี่ คือ เซ็นชื่อ พร้อมที่อยู่ (เพื่อทางเราจะส่งของขวัญอะไรไปให้)
และเมื่อเสร็จแล้ว แขกก็จะได้รับการ์ดระบุที่นั่ง + โปรไฟล์ของเจ้าบ่าวเจ้าสาว (เรียกว่า เซกิจิเฮียว, sekijihyo, 席次表)แขกจะนั่งประจำที่ของตัวเอง เพราะ อาหารที่มาจะเป็นคอร์ส จานใครจานมัน เซทใครเซทมันค่ะ ในเซทของตัวเองนั้น อาจจะมีอาหารพิเศษ สำหรับคนแพ้อาหาร หรือคนที่ไม่ทานเนื้อไรแบบนี้นั้นเอง

2. พอถึงเวลาแล้ว เราก็จะนั่งรถไปปรากฏตัวให้ทุกคนเห็นและถ่ายรูปเล่นกันก่อนที่จะไปทำพิธีในโบสถ์

 

หลังจากที่ถ่ายรูปเล่นเรียบร้อยแล้ว  เจ้าบ่าว เจ้าสาว และแม่เจ้าสาว ก็จะแยกตัวไปที่ห้องนึง
เพื่อซ้อมเข้าพิธีในโบสถ์ค่ะ ส่วนแขกคนอื่นๆก็จะอยู่แถวนี้ เพราะที่นี่เป็นบาร์ มีน้ำ/คอกเทลฟรี (อีกแล้ว 555 )
แต่จี้ได้วาง Wedding Tree Guestbook ให้ทุกคนไม่ว่าง
เพราะทุกคนจะช่วยกันพิมพ์ลายนิ้วมือกันสนุกสนาน 55555555

3. เมื่อถึงเวลาสตาฟจะเรียกแขกทุกคนให้เข้าไปนั่งในโบสถ์

โดยแขกเจ้าบ่าวและแขกเจ้าสาวจะนั่งแยกฝั่งกัน
แขกเจ้าบ่าวมีแต่ผู้ชาย 555555 ส่วนมากจะเป็นเพื่อนในบริษัท มหาลัย และครอบครัวค่ะ
ส่วนแขกเจ้าสาวก็มีครอบครัวมากัน 6 คน มีโฮสแฟมิลี่ และเพื่อนๆน้องๆในมหาลัย
โดยปกติของคนญี่ปุ่นแล้ว แขกผู้ชายจะใส่สูทดำ (สูทเฉพาะงานแต่งเลย) เนคไทสีขาว
ส่วนผู้หญิงนั้น จะใส่ชุดกิโมโน (ถ้าสุภาพสุดจะเป็นกิโมโนสีดำ) หรือ จะใส่ชุดราตรีแบบสุภาพมาก็ได้
ซึ่งงงงง….. คนญี่ปุ่นเขาไม่มีธีมสีในการแต่งตัวค่าาาา >_________<
จี้จึงบอกธีมให้ทุกคนแต่งกันมา ซึ่งธีมคือ แต่งสีฟ้า หรือ ชมพู
เจ้าบ่าวบอกว่าที่ไม่มีธีมเพราะเสื้อผ้าชุดราตรีในญี่ปุ่นแพงนั้นเอง
แอบเสียว กลัวไม่มีใครแต่งมาเลยล่ะ แต่แขกทุกคนก็ร่วมมือกันแต่งมาตามธีม ดีใจสุดๆเลยยย

ช่วงเวลาที่แขกเข้าโบสถ์ และนั่งประจำนั้น
ตอนนั้นเจ้าบ่าว เจ้าสาว และแม่เจ้าสาว ซ้อมกันอยู่อีกห้องนึง ข้างๆโบสถ์เลยค่ะ
พอถึงเวลา เจ้าบ่าวจะเดินเข้าไปพร้อมบาทหลวง หลังจากที่เจ้าบ่าวประจำที่เรียบร้อยแล้ว
เจ้าสาวก็จะไปรอที่ประตูพร้อมแม่เจ้าสาว ……. พอเพลงเริ่ม แม่เจ้าสาวก็จะปิดผ้าคลุมหน้าให้ค่ะ
หลังจากนั้นแม่เจ้าสาวก็จะพาเราเดินไปส่งตัวให้เจ้าบ่าว (ชอบที่มีกลุ่มควันตอนเดิน 55555)
และตอนเดินนี่แบบชุดแต่งงานหางมันยาว และมันยาวมากกกกกกจริงๆ
ไม่ยาวอย่างเดียว แอบหนักด้วยค่ะ 555555 แต่ยอมม เพราะถ่ายรูปออกมาสวยยยย อิอิ

พอเดินถึงแล้ว ทุกคน รวมทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะร้องเพลงสวดกัน โดยมีเนื้อเพลงวางอยู่ด้านหน้าที่นั่งค่ะ

เมื่อร้องเพลงสวดเสร็จแล้ว บาทหลวงก็จะพูดให้เรากล่าวคำสาบานกัน (ทั้งหมดนี้เป็นภาษาอังกฤษนะคะ)
คือ ภาษาอังกฤษทำให้เราเข้าใจทุกคำพูดเลย มันซึ้งมากๆ จนเรากลั้นน้ำตาไม่ไหว (เพลงก็คลอไปมา)
ยิ่งฟังบาทหลวง น้ำตายิ่งไหล ไม่ได้ไหลธรรมดา คือมันไหลพรากๆๆๆเลยค่ะ 55555
จี้รู้สึกว่ายืนอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกทุกอย่างทำให้พิธีมันขลังมากกกจริงๆ
พิธีจะเป็น กล่าวคำสาบาน, แลกเปลี่ยนแหวนกัน, เปิดผ้าคลุม, True love kiss,
เซ็นชื่อสัญญาว่าเราได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว

เอาจริงงงงงง จำที่ซ้อมมาไม่ได้เลยยยค่ะ ตื่นเต้นมากกกก แต่ไม่ได้ผิดเยอะนะคะ 55555555
แค่แบบหมุนตัว จับมือไรงี้ ซึ่งมีแต่เจ้าบ่าวคนเดียวที่จำได้ เห็นรูปแล้วแบบหน้านางเครียดมาก สงสัยกลัวทำผิด 5555

4. เมื่อพิธีในโบสถ์เสร็จแล้ว เราก็จะเดินออกจากโบสถ์ไป แล้วโยนช่อดอกไม้

ช่วงที่เดินออกจากโบสถ์ ชอบมากกกกกก ที่มีปีกขนนกโปรย มันดูโรแมนติกสุดๆเลยค่ะ 555555

หลังจากทุกคนออกจากโบสถ์หมดแล้ว เราก็จะเคาะระฆัง
(ตอนนั้นนี่หน้าตาเละเทะไปหมดเลยค่ะ ผู้ช่วยต้องมาแต่งหน้าให้อย่างรวดเร็ว
มีการบอกจี้ว่า ร้องไห้ได้สวยมากๆๆ แบบเละไม่เยอะเลย คือแบบฮาเรื่องจริงเปล่าก็ไม่รู้ 55555555 )

ตอนเดินผ่านทุกคน ทุกคนจะโปรยกลีบดอกไม้ให้เรากันค่ะ โอ้ยยย ตอนนั้นมีความสุขสุดๆเลยยยยย ฟินนน >///////<

โยนดอกไม้ เพื่อนวิ่งออกมารับสะรวดเร็วเลยค่ะ 555555 น่ารักมากๆ (เอาไว้ดูในวิดีโอด้านล่างสุดนะคะ)
แล้วเราก็ถ่ายรูปหมู่กัน และถ่ายรูปรวมครอบครัวของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวค่ะ

(ตอนนี้ผู้ช่วยได้ถอดหางชุดแต่งงานออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ เดินสบายแล้วว 5555555)

พอถ่ายรูปอะไรเสร็จแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ต้องเข้าไปที่ห้องแต่งตัว ใกล้ๆกับห้องจัดงานเลี้ยงแล้ว

ระหว่างที่แขกรอเวลาเพื่อเข้าห้องงานเลี้ยง ก็มีบาร์ (น้ำดื่มฟรีตลอด)
พร้อมดนตรีเพราะๆฟัง บรรยากาศอบอุ่นดีค่ะ อิอิ

ถ่ายรูปในห้องแต่งตัว ระหว่างรอแขกเข้าห้องกินเลี้ยงค่ะ แหวนคู่~~

5. เมื่อทุกคนเข้ามานั่งประจำที่พร้อมแล้วนั้น ก็จะมีวิดีโอแนะนำเจ้าบ่าวเจ้าสาวนิดหน่อย (จี้ทำเองเลยนะ 5555)

เมื่อจบแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะปรากฏตัวเข้าไปในห้อง เดินลงจากบันได
เดินผ่านทุกคนแล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เข้านั่งประจำที่ตัวเองค่ะ หลังจากนั้น ก็ถึงเวลาตัดเค้กก อิอิ

(กิจกรรมในห้องกินเลี้ยงนั้น เราสามารถเลือกได้เองเลยว่าเราจะทำอะไรก่อน-หลัง ตามใจเราเลยค่ะ
ตอนนั้นก็ปรึกษากับแพลนเนอร์ไปได้เลยยค่ะ เพื่อว่ามีธรรมเนียมอะไรที่จำเป็นต้องรู้ ไม่งั้นราคามาทีมีช๊อคอะ)

6. ถึงเวลาป้อนเค้ก

First Bite จากเจ้าบ่าวตักเค้กให้เจ้าสาวกิน เหมือนว่าให้ความรักและทำงานหาเงินมาให้เจ้าสาว
ส่วนเจ้าสาวป้อนให้เจ้าบ่าว หมายความว่า ความรักและอาหารที่ให้เจ้าบ่าวค่ะ
อันนี้เหมือนว่าจะเป็นประเพณีของประเทศญี่ปุ่นนะคะ คือทุกคู่ต้องทำไรงี้ 555555

ต่อไปก็มีการพูดอวยพรจากทางผู้ใหญ่ และ คัมไปปป (ในงาน เราใช้ ไชโย!! กันล่ะ 555555 สนุกมากก)

ช่วงนี้อาหารก็จะทะยอยออกมาเรื่อยๆค่ะ ใครที่ว่างหรืออาหารยังไม่มาเสริฟก็จะออกมาถ่ายรูปเล่นกัน

พอเปิดประตูออกไปก็จะเป็นสวนนนนนนน โอ้ยยย ฟินค่ะะะ  ชอบบรรยากาศในสวนมากๆเลยย
นี่ล่ะ คือเหตุผลหลักที่เลือกสถานที่จัดงานที่นี่ 55555555

7. หลังจากนั้น ก็มีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวทำ ก่อนที่จะออกไปเปลี่ยนเป็นชุดไทย

นั้นก็คือ ทุบถังเหล้าอันเล็ก ตามโต๊ะแขกทั้งหมด แต่ แต่ แต่ ข้างในไม่ใช่เหล้าญี่ปุ่นนะคะ
เป็นข้อความจากเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่เขียนให้แขกแต่ละคนเองเลยยย
เอาไว้ในแขกอ่านเล่น ระหว่างรอ ดูวิดีโอ Love story ของเราทั้งคู่

เพิ่งรู้หลังจากงานเลี้ยงจบว่า
ทางสถานที่จัดงานได้แจกหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับรักของเราทั้งคู่ให้กับแขกอ่านกันด้วยย อร้ายยย
คือ ทำงานกันว่องไวมากๆเลยอะค่ะ รูปรวมก็เพิ่งจะถ่ายไปไม่กี่นาทีเองงงง

8. เมื่อวิดีโอจบบบบ เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ปรากฏตัว คราวนี้เข้ามาจากทางสวนค่ะ 5555555

ไม่รู้ว่าวันนั้นตัวเองก้มหัวทำความเคารพไปกี่รอบแล้ว คือ จะเข้าจะออกห้องต้องเคารพตลอดค่ะ
ผู้ช่วยจะเป็นคนคอยเดือนเราตลอดว่าไปตรงไหนแล้วต้องเคารพบ้าง รู้สึกว่าเป็นธรรมเนียมประเพณีญี่ปุ่นจริงๆ

หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เพราะเราทำเวลาตรงนี้ให้ว่าง จะได้นั่งทานอาหารมั้ง 555555
อาหารหน้าตาเป็นแบบนี้ (อันนี้แค่บางส่วนนะคะ เพราะมันเป็นคอร์ส จานใครจานมันค่า)

บางทีก็เดินออกไปถ่ายรูปเล่นบ้างอะไรบ้าง
ผู้ช่วยจะเดินมาบอกตลอดเวลา ว่าถึงเวลาต้องทำอะไรต่อค่ะ จะได้ไม่เกินเวลาเกินไป
เพราะถ้าเกินเวลานี่โดนคิดเงินเพิ่มนาจา

ทานอาหารก็นั่งประจำที่ของตัวเองค่ะ พนักงานเสริฟจะคอยมองตลอดว่า เราทานเสร็จหรือยัง
เขาจะได้รีบมาวางอาหารเพิ่ม เพราะ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจำเป็นที่จะต้องทานให้ไว ทำเวลา 55555555
เพราะบางทีจะมีแขกเดินเข้ามาหา เพื่อถ่ายรูปบ้าง คุยบ้างค่ะ

อ้ออออ พูดถึงเรื่องโต๊ะนี้แล้วนั้น มีธรรมเนียมญี่ปุ่นๆ จะเล่าให้ฟังค่ะ

เป็นที่รู้กันว่า คนญี่ปุ่นจะชอบดื่มแอลกอฮอร์กัน ยิ่งงานสำคัญแบบนี้แล้วนั้น
แขกที่มาร่วมงานจะชอบเข้ามารินสาเกบ้าง เหล้า/เบียร์บ้างให้เจ้าบ่าว และเจ้าสาวดื่มค่ะ
ส่วนมากเจ้าบ่าวจะโดนนะคะ แบบเพื่อนผู้ชายอะนะ ชอบเล่นอะไรแบบนี้ 555555
เจ้าสาวนี่โดนแขกเอาน้ำส้มมาให้ดื่มค่ะ 5555555555555555555 คือแบบ ดีอะ รู้ด้วย

แล้วว เรื่องที่อยากจะเล่า คือ เพราะ มันมีธรรมเนียมโดนให้ดื่มนี้อยู่
ทางสถานที่จัดงาน จึงนำถังขยะเอาไว้ใต้โต๊ะให้เจ้าบ่าวค่ะ เผื่อเจ้าบ่าวดื่มเหล้า/สาเก/เบียร์ไม่ไหว
ก็สามารถแอบเททิ้งที่ใต้โต๊ะนี้ได้ โดยไม่ให้แขกรู้ และ จะได้ดูไม่หน้าเกลียดด้วย
(จี้ไม่รู้ว่าเป็นทุกที่หรือเปล่านะคะ แต่ถือว่าเป็นไอเดียที่ช่วยชีวิตเจ้าบ่าวมากๆ 55555555)

9. สุดท้ายของงานเลี้ยงแล้วค่ะ โดยปกติแล้วตรงนี้ คือ สิ่งที่ทุกคนจะเสียน้ำตามากที่สุดเลย~!!!

เพราะเจ้าสาวจะอ่านจดหมายขอบคุณ คุณพ่อคุณแม่ของตัวเอง
อันนี้สามารถเรียกน้ำตาให้ทั้งครอบครัว พนักงาน และแขกได้อย่างมากมาย
แต่ แต่ แต่ เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่ได้ทำค่ะ ทำไม่ทัน แง่วววว เสียจายยยยยย
เพราะว่าเจ้าสาวต้องแปลจดหมาย แล้วนำคำแปลนั้น เข้าทำเป็นพาวเวอร์พอย
เพื่อฉายผ่านโปรเจคเตอร์ให้แขกคนอื่นๆได้เข้าใจความหมายด้วย ซึ่งทำไม่ทันจริงๆค่ะ
เราจึงเพียงแค่มอบช่อดอกไม้ให้พ่อแม่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเท่านั้นเอง
แล้วคุณพ่อเจ้าบ่าวก็จะพูดขอบคุณแขก เป็นอันว่าจบงานเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะออกไปรอนอกห้อง รอแขกเตรียมตัวเก็บของ ดู ending vdo งานแต่งที่ทางสถานที่จัดงานได้ถ่ายทำ และตัดต่ออย่างรวดเร็ว วิดีโอด้านล่างนี้เลยค่าา

10. พอดูกันจบแล้วว แขกก็จะทะยอยกันออกมา

พร้อมกับที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะยืนรอแจกของเล็กๆน้อยๆให้ค่ะ เรียกว่า พุจิ กิฟุโตะ (puchi gift, プチギフト)
อันนี้ไม่ใช่ของชำร่วยนะคะ ของชำร่วยพนักงานจะวางไว้ที่เก้าอี้ให้แขกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ของชำร่วยนี่ ของใครของมัน ไม่เหมือนกันด้วยละค่ะ เพราะ เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเลือกให้เอง
แบบเพื่อนของชั้นชอบคิตตี้ เราก็จะเลือกคิตตี้ใส่ลงไปให้ไรงี้
ถือเป็นความเอาใจใส่และขอบคุณแขกที่อุตส่าห์มางานของเราล่ะค่ะ

จบแล้วล่ะค่ะ งานแต่งงานของเรา ทุกคนยืนรอเพื่อส่งเรากลับสถานที่แต่งตัว
ราทั้งคู่ก็นั่งรถคันเดิมกลับไป เป็นงานอีเว้นท์สำคัญในชีวิตเลยค่ะ มีความสุขมากมายย อิอิ

จบแล้วว แต่ว่ายังไม่จบจริง 555555 คือตามธรรมเนียมญี่ปุ่นยังมีงานเลี้ยงสำหรับเพื่อนๆอีกค่ะ

เรียกว่า นิจิไก (nijikai, 二次会) คืองานเลี้ยงตอนกลางคืน อันนี่สิเมาจริงงง 5555555
เป็นงานเลี้ยงที่มีเฉพาะเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซึ่งครอบครัวและผู้ใหญ่จะกลับไปนอนพักผ่อนกันแล้วว
อันนี้เราไปต่อกันที่ร้านแถวสถานีค่ะ เพราะเพื่อนๆเมาแล้ว ขับรถกลับกันไม่ได้ อีกอย่างโรงแรมอยู่แถวนั้นด้วย

แต่ แต่ แต่ คู่ของจี้มี ซันจิไก (sanjikai, 三次会) เลยล่ะ คือหลังจากจบ นิจิไกแล้ว แบบอารมณ์ยังไม่จบ
ไปต่อกันอีกร้านอะค่ะ กว่าจะได้กลับบ้านก็เที่ยงคืนนิดๆเลยยยย เหนื่อยมากกกกก แต่สนุกมากกก 5555

รู้สึกว่าไม่มีธรรมเนียมเข้าหอแบบเมืองไทยนะคะ 555555
เช้าวันต่อไปก็ไปยื่นเรื่องจดทะเบียนสมรสล่ะค่ะ อิอิ เรื่องให้ทำตอนนั้นเยอะมากก วุ่นวายไปหมดเลยค่ะ
จบจริงๆแล้วค่าาา ยาวไปหน่อย แต่ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ ^__________^

ปิดท้ายด้วยรูปพนักงานสุดน่ารักกกกกกกก ที่ช่วยเหลือมาตลอด 6 เดือนนนน
3 คนซ้าย ช่างกล้อง และผู้ช่วยค่ะ และ 3 คนขวา คือแพลนเนอร์ ช่างแต่งหน้าทำผม และช่างดูแลเรื่องชุด

Leave a Reply