วิธีการ “เปลี่ยน” ใบขับขี่ไทย “เป็น” ใบขับขี่ญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะ วันนี้จี้เพิ่งไปทำใบขับขี่ญี่ปุ่นมา อยากจะบอกว่ามันง่ายกว่าที่คิดมากกกกกกก
ใช้วิธีนี้แล้วจะได้ไม่ต้องเสียเงินเรียนขับรถแพงๆเป็นแสนสองแสนอีกด้วยล่ะค่ะ อิอิ

ตอนที่จี้หาข้อมูลวิธีการทำนั้น หาได้ยากมากก และส่วนมากเป็นข้อมูลเก่า แบบปี 2003 งี้
จี้เลยต้องไปโทรถามเองทั้งหมดเลย ทั้งวิธีการเตรียมเอกสาร สถานที่สอบ บลาๆ
จี้เลยอยากจะเอามาแชร์ให้ทุกคนรู้วิธีทำกัน จะได้ไม่งง และเสียเงินเยอะด้วยค่ะ

*****เอกสารและขั้นตอนอาจจะแตกต่างกันตามเมืองที่คุณอาศัย*****
*****ทุกขั้นตอนที่อธิบายด้านล่างนี้ ทำในเมืองนาโกย่า (ที่ 運転免許試験場) *****

เอาล่ะ มาสู่ขั้นตอนที่ 1 กัน เปลี่ยนใบขับขี่ไทยเป็นใบขับขี่ญี่ปุ่น

———————————————————————————————

 

【ขั้นตอนการเตรียมเอกสาร】

1. ใบขับขี่ไทย ตัวจริง ที่ยังไม่หมดอายุ

หมายเหตุ นับตั้งแต่วันที่ได้ใบขับขี่ไทย จนก่อนมาญี่ปุ่น
คุณต้องขับรถยนต์ (หรืออยู่) ในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 3 เดือน (ถ้าอยู่ในไม่ครบ ทำไม่ได้ค่ะ)

1.1 ถ้าเกิดเคยต่ออายุใบขับขี่ไทย (ใครไม่เคยทำ ข้ามข้อนี้ไปได้เลยค่ะ)
ให้ไปขอประวัติการออกใบขับขี่คร้ังแรกและการต่ออายุใบขับขี่ *เป็นภาษาอังกฤษ*
ที่กระทรวงคมนาคม (จี้ไปขอที่จตุจักรมาค่ะ) ที่จำเป็นต้องเอาเพราะว่าเขาจะเอาไปใช้นับเป็นหลักฐานว่าเราอยู่เมืองไทยถึง 3 เดือนหรือไม่

เอกสารที่ต้องใช้ขอ ได้แก่
– Passport ตัวจริง
– รูปถ่าย 4 ใบ (ใช้ในใบที่เป็นภาษาไทย 2 ใบ และ ภาษาอังกฤษ 2 ใบ)
– บัตรประชาชนตัวจริง
– ใบขับขี่ตัวจริง

3. นำใบขับขี่ไปแปลที่ JAF ที่สาขาใกล้บ้าน (ในประเทศญี่ปุ่น)
–  JAF สาขาทั้งหมดในญี่ปุ่น ดูได้ที่นี่ คลิก
–  เอกสารที่ต้องเอาไป ดูได้ที่นี่ คลิก (แบบฟอร์มไม่ต้องเอาไปก็ได้ เขามีให้)
(เอกสารที่ต้องเอาไป ได้แก่ ใบขับขี่ไทยตัวจริง, ไซริวการ์ด ตัวจริง + สำเนา และ เงิน 3,000 เยน)

***สามารถส่งทางไปรษณีย์ได้ ถ้าเกิดไม่สามารถไปได้ อ่านวิธีการทำได้ ที่นี่ ***

ตอนที่จี้ไปแปล จี้บอกเขาว่า “อยากได้เร็วที่สุดค่ะ” เขาบอกให้รอแปปนึง จี้เลยบอกว่า “งั้น เดี๋ยวตอนบ่าย 3 มาเอานะคะ” (ตอนนั้นมีธุระต่อ) สรุปเขาบอกว่ารอหน่อย แปปเดียว 15 นาทีได้เลยค่ะ ไวมากกกก แปปเดียวจริงๆ 5555555 เพราะโดยปกติแล้ว อย่างน้อย 1 วันถึงจะได้ล่ะ จี้โชคดีมากกก

4. ขอใบทะเบียนบ้านญี่ปุ่น หรือ ที่เรียกว่า จูมินเฮียว (住民票, Juuminhyo)
ที่เขตที่ตัวเองมีชื่ออยู่ในบ้าน/อพาตเม้นท์ (ในประเทศญี่ปุ่น)

หมายเหตุ เวลาขอใบจูมินเฮียว เราสามารถเลือกได้ว่า จะใส่รายละเอียดอะไรลงไปบ้าง
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องเลือกใส่สัญชาติลงไปด้วย

5. Passport ตัวจริง เล่มเก่า เล่มใหม่ เอาไปให้หมดค่ะ

6. Resident Card (ไซริวการ์ด) ตัวจริง

สรุป เอกสารที่ต้องเตรียมไปยื่นที่ศูนย์สอบใบขับขี่มีทั้งหมด 6 อย่าง

———————————————————————————————

เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้ว ต่อไปก็ไปยื่นเอกสารกันค่ะ !

【ขั้นตอนการยื่นเอกสาร】
 

ก่อนอื่นเลย ต้องหาศูนย์สอบใบขับที่เราสามารถไปยื่นเอกสารได้ค่ะ
เพราะ มีไม่ทุกศูนย์ที่สามารถ “เปลี่ยน” ใบขับขี่ไทย “เป็น” ใบขับขี่ญี่ปุ่น ได้

เราเรียกวิธีนี้ว่า Foreign License into Japanese License ( 外国免許切替)

และถ้าใครพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ แนะนำให้เอาล่ามไปด้วยนะคะ เพราะเขาติดประกาศไว้เลย

*****ทุกขั้นตอนที่อธิบายด้านล่างนี้ ทำในเมืองนาโกย่า (ที่ 運転免許試験場) *****

ในจังหวัดที่จี้อยู่นั้น (Aichi-ken หรือ Nagoya ที่ทุกคนรู้จักกัน) มีศูนย์สอบใบขับขี่ถึง 3 ที่ด้วยกัน
แต่มีแค่ 1 ที่เท่านั้น ที่สามารถทำ Foreign License into Japanese License ( 外国免許切替) ได้
นั้นก็คือที่ 運転免許試験場 วิธีการเดินทางต่างๆดูได้ในเว็ปเลยค่ะ

พอไปถึงแล้ว ขอบอกว่าแอบตกใจนิดนึง คนเยอะมากกกกกกก แถวคนญี่ปุ่นนี่แบบยาวเฟื่อยเลย
โชคดีที่ของคนต่างชาติ มีช่องพิเศษให้ จี้ก็เดินไปที่ช่อง 12 เพื่อรับบัตรคิว ได้คิวที่ 7 ค่ะ
ต้องรออีก 2 คิว ซึ่งคิวนึงใช้เวลาประมาณ 30 นาทีกว่าได้เลย
เพราะว่าเขาจะตรวจดูเอกสาร และที่สำคัญ เขานั่งนับวันที่ว่า ตั้งแต่วันที่ได้ใบขับขี่ไทย จนก่อนมาญี่ปุ่น
คุณในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 3 เดือนหรือไม่ อย่าที่บอก ถ้าอยู่ในไม่ครบ ทำไม่ได้ค่ะ

พอถึงคิวจี้แล้ว ก็แค่ยื่นเอกสารไป เขาก็นั่งเขียนนั่งนับวันที่ จี้ก็เลยชี้ที่เอกสารประวัติการออกใบขับขี่คร้ังแรก
บอกเขาว่า “ทำใบขับขี่ใบแรกเมื่อปี 2009 มาญี่ปุ่นปี 2010 ค่ะ ใบขับขี่ไทยตัวจริงนี่ไปต่ออายุมา”
(เพราะกลัวเอกสารไม่ผ่าน 555 กลัวเขาหาว่าเราอยู่ไม่ถึง 3 เดือน)

สรุป เขาก็ถามเราต่อนิดๆหน่อย แล้วก็เปิด Passport ทั่งเล่มเก่าเล่มใหม่
เช็คดูวันที่เข้าออกประเทศ เขียนจดโน้ต เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐาน
แล้วเขาก็ยื่นกระดาษมาให้เรา 1 แผ่น ให้เราวิ่งไปจ่ายเงิน 2,200 เยน ที่ช่อง 11 แล้วเอากลับมาให้เขา

เมื่อไปถึงช่อง 11 แล้ว แค่ยื่นกระดาษใบนั้นไปปุป เจ้าหน้าที่รู้ทันทีว่าคืออะไร เราแค่จ่ายเงินอย่างเดียว
และวิ่งเอากลับไปให้เจ้าหน้าที่คนเดิมที่ช่อง 12 เท่านั้นเองค่ะ

พอเรากลับมา เจ้าหน้าที่ถามคำถามเราประมาณว่า
เคยขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุมั้ย เคยนั่งรถที่คนขับรถดื่มแอลกอฮอล์มั้ย อะไรแบบนี้
เราก็ตอบ ไม่ๆ อย่างเดียวเลย หลังจากนั้นก็มีใบเช็คเกี่ยวกับร่างกาย
ซึ่งมีแปลเป็นภาษาไทยด้วยค่ะ คือ เขาให้อ่านจากที่แปล แล้วติ๊กถูกในใบที่เป็นภาษาญี่ปุ่น
คือแบบมีหลายภาษามากกก เห็นเขาเปิดหาเป็นปึกเลย 555555555
คำถามจะเป็นแนว เคยหมดสติขณะขับรถยนต์หรือไม่ เคยผ่าตัดเกี่ยวขามั้ย อะไรแบบนี้ค่ะ อันนี้ก็ติ๊ก ไม่ๆๆ อย่างเดียวเลยเหมือนกัน แล้วเขาก็ให้เลือกว่า จะขับรถแบบเกียร์ออโต้ หรือ เกียร์กระปุก เราก็ตอบไปว่า ออโต้

พอเสร็จจากอันนี้แล้ว ต่อไปก็ไปตรวจสายตาค่ะ
สำหรับคนต่างชาติ เครื่องจะอยู่ซ้ายสุดเลย ก่อนตรวจเจ้าหน้าที่จะถามว่า ใส่แว่นตาหรือไม่
เราก็บอกว่าใส่คอนแทกเลนส์อยู่ เขาก็จะเขียนโน้ตไว้ แล้วก็เริ่มตรวจ
ตรวจเหมือนเมืองไทยค่ะ ตรวจสายตา และ ตรวจว่าตาบอดสีมั้ย

เมื่อเสร็จจากตรงนี้ ก็ถึงเวลารับบัตรคิว รอสอบความรู้พื้นฐานในการขับขี่รถยนต์
จี้ได้ตอน 10.30น. โชคดีที่มาทันเวลาพอดี เพราะ รอประมาณ 5 นาที ก็ได้เข้าห้องสอบเลยล่ะ
ห้องสอบนี้เฉพาะชาวต่างชาติเท่านั้น และ  คนคุมสอบใจดีมากกกกกกกกกกกกก
เพราะมีคนต่างชาติ 1 คนที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย แถมล่ามประจำตัวหายไปไหนก็ไม่รู้อีก
คนคุมสอบก็ค่อยๆพูด + ท่าทางประกอบด้วย น่ารักดี 55555555

จี้ก็ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษให้นะ แต่คนนั้นภาษาอังกฤษดันไม่ได้อีก แย่เลย แต่ก็ผ่านมาได้ 55555

ก่อนเข้าห้องสอบ ต้องปิดมือถือให้เรียบร้อย ห้ามถ่ายรูป หรือวิดีโอโดยเด็ดขาด
ข้อสอบสามารถเลือกภาษาได้ค่ะ มีประมาณ 10 ภาษาได้เลย แน่นอนมีภาษาไทยด้วย
เลือกภาษาหลัก และ เลือกภาษารอง ได้ด้วย คือแบบดีมากๆ
เพราะบางทีคนแปล แปลออกมางงๆ เราก็สามารถกดเปลี่ยนภาษาเป็นภาษารองได้

จี้ก็เลือกภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษไป
คนคุมสอบมีมาถามด้วยว่า ไม่เลือกภาษาญี่ปุ่นหรอ คือแบบขอภาษาที่เรามั่นใจดีกว่า เดี๋ยวตกไปแย่เลย 555555

ข้อสอบเป็นแบบ ถูกผิด เลือกแค่ Yes, No (ใช่, ไม่ใช่) อย่างเดียวค่ะ

เป็นคำถาม พร้อมมีรูปประกอบ ง่ายมาก มีทั้งหมด 10 ข้อ มีเวลา 10 นาที ทำถูก 7 ข้อขึ้นไป ผ่าน
รู้ว่าผ่านไม่ผ่าน หลังกดส่งคำตอบ คือพูดง่ายๆ รู้ผลทันทีเลยค่ะ 5555555

คำถามประมาณว่า
– ถ้าที่บ้านไม่มีที่จอดรถ คุณสามารถจอดรถที่ถนนได้ ใช่หรือไม่
– คุณต้องขับอยู่เลนส์ซ้ายตลอด เพราะ เลนส์ขวามีไว้แซง ใช่หรือไม่
– ถ้ามีเส้นสีเหลือง และ สีขาว กั้นอยู่ระหว่างเลนส์ แสดงว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ ใช่หรือไม่
อะไรแบบนี้ (แต่แอบตื่นเต้นนะ ตอนกดส่งคำตอบ บอกเลย 5555555)

พอรู้ว่าผ่านแล้ว คนคุมสอบก็จะแจกใบด้านล่างนี้มา และสมุดเล่มเล็กๆบอกวิธีการสอบปฏิบัติ
พร้อมวันเวลาที่เราจะต้องมาสอบปฏิบัติแล้วล่ะค่ะ กรี๊ดดดดด

สอบปฏิบัติเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะเห็นว่าไม่มีใครสอบผ่านภายในครั้งเดียว
จี้จะไปสอบอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า ไว้เป็นยังไงจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ 5555555

อวยพรให้จี้ผ่านในครั้งเดียวด้วยเถอะะะ ><
รู้ผลภายในวันนั้นทันทีเลยเช่นกันค่ะ ตื่นเต้นๆๆ อยากไปสอบไวๆ 55555 นี่คือเส้นทางที่ได้มาค่ะ เขาคงให้เราไปศึกษาดูก่อน คือมันช่างคดเคี้ยวอะไรแบบนี้ 5555555

เราไม่สามารถเลือกได้นะคะว่าจะเอาเส้นทางไหน เจ้าหน้าที่จะเลือกให้เราในวันสอบวันนั้นเลย

12 thoughts on “วิธีการ “เปลี่ยน” ใบขับขี่ไทย “เป็น” ใบขับขี่ญี่ปุ่น

  1. สวัสดีค่ะคุณจี้ รบกวนสอบถามว่าเอกสารใบรับรองการออกใบขับขี่ครั้งแรก เราต้องไปประทับตรากงสุลด้วยรึเปล่าคะ พอดีไปขอแบบภาษาอังกฤษมาแล้วค่ะ

  2. สอบถามหน่อยครับ
    ถามข้อ 1.
    ใบขับขี่ไทย ตัวจริง ที่ยังไม่หมดอายุ

    หมายเหตุ นับตั้งแต่วันที่ได้ใบขับขี่ไทย จนก่อนมาญี่ปุ่น
    คุณต้องขับรถยนต์ (หรืออยู่) ในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 3 เดือน

    นับจากใบขับขี่ครั้งแรก หรือครั้งล่าสุดครับ

  3. สอบถามค่ะคุณจี้
    เราเคยต่อใบขับขี่1ครั้ง เมื่อ June2019 แล้วบินมาญี่ปุ่น March2021 ซึ่งระยะเวลานี้ยืนยันว่าเราอยู่ไทยนานกว่า3เดือนก่อนมาอยู่ญี่ปุ่น กรณีนี้จำเป็นต้องมีเอกสารข้อ1แนบใบสมัครไปด้วยไหมค่ะ
    ถ้าจำเป็น แล้วไม่สะดวกเดินเรื่องขอเอกสารที่ไทย สามารถใช้ใบขับขี่เก่าให้ JAFแปลเหมือนกับใบปัจจุบันยื่นแทนได้ไหมค่ะ

  4. สวัสดีค่ะคุณจี้ ขอบคุณโพสต์นี้ที่เป็นไกด์ไลน์ ไปสมัครมาแล้วเลยจะมาแชร์ข้อมูลด้วยค่ะ

    หลักฐานเตรียมตามที่คุณจี้โพสต์ไว้ ยกเว้น ประวัติการออกใบขับขี่คร้ังแรกและการต่ออายุใบขับขี่ *เป็นภาษาอังกฤษ*
    เนื่องจากใบขับขี่ปัจจุบันออกนานเกิน3เดือน (เคยต่ออายุใบขับขี่มา1ครั้ง ง่ายๆคือใบปัจจุบันคือใบที่2 แต่ออกนานเกิ3เดือน เลยไม่ต้องขอประวัติการออกที่ไทย)
    ถ้าใครที่แต่งงานกับคนญี่ปุ่น แล้วมี่เปลี่ยนนามสกุลตามสามี แนะนำให้เตรียมเอกสารปัจจุบันที่ชื่อและนามสกุลให้ตรงกันก่อนสมัคร คือ ใบขับขี่,จูมินเฮียว, passport , residence card เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการตรวจเอกสาร (ตรวจค่อนข้างละเอียด)

    รูปสมัครควรถ่ายหลังจากที่ จนท.ตรวจเอกสารแล้วยืนยันว่าผ่าน (มีตู้บริการที่ศูนย์ฯสมัคร)

Leave a Reply