วันนี้มาดูการหาห้องเช่าในประเทศญี่ปุ่น และ วิธีการเช่าห้องในประเทศญี่ปุ่น กันค่ะ
ห้องเช่าที่จี้หมายถึงนั้น ได้แก่ อพาตเม้นท์, คอนโด, แมนชั่น ต่างๆ ก่อนอื่นเลย ที่ญี่ปุ่นนั้นเราไม่สามารถที่จะเดินเข้าไปถามนิติบุคคล หรือ อยู่ๆก็เดินไปหาเจ้าของได้นะคะ เพราะยังไงก็หาไม่เจอค่ะ
หาห้องเช่าในประเทศญี่ปุ่น / วิธีการเช่าห้องในประเทศญี่ปุ่น
เราจะต้องทำสัญญาผ่าน “นายหน้า” หรือภาษาญี่ปุ่นคือ “ฟุโดซัง” ทั้งหมด ทุกขั้นตอน
เพราะเราจะไม่ได้เจอเจ้าของห้องจนกว่าเราจะจ่ายเงินทำสัญญาเสร็จล่ะ
นายหน้าที่ว่านั้น มีหลากหลายบริษัทมากก เราก็สามารถไปดูทุกบริษัทได้เลย
เพราะแต่ละอพาตเม้นท์, คอนโด นั้น จะมีนายหน้าเพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น
ดังนั้น ถ้าเราดูที่เดียว เราก็อาจจะพลาดห้องดีๆของบริษัทนายหน้าอื่นๆไปก็เป็นได้ค่ะ
จะหานายหน้าเจอได้อย่างไร?
จะบอกว่า นายหน้ามีเยอะแยะเลยค่ะ ถ้าเดินๆไปแล้วเจอ ห้องที่แปะไปด้วยแผ่นประกาศบ้านเช่าเต็มไปหมดด้านหน้าแบบนี้ นั้นล่ะค่ะ คือ นายหน้าที่หาห้องเช่าให้เรา
นายหน้า (ฟุโดซัง, 不動産)


มาดูขั้นตอนที่จี้เลือกห้อง ตอนที่ย้ายมาเกียวโตกันเถอะ
ก่อนอื่นเลย เราต้องถามความต้องการตัวเองก่อนว่า อยากได้ห้องแบบไหน สิ่งที่ต้องการมีอะไรบ้าง เพราะถ้ามีเฟอร์นิเจอร์ ราคาก็แพงขึ้น ถ้าห้องเยอะขึ้นราคาก็แพงขึ้นค่ะ ลองมาดูคร่าวๆกันดีกว่า….
1. ประเภทห้องที่ต้องการ เช่น อยากได้เป็น แมนชั่น, อพาตเม้นต์, คอนโด หรือบ้านเป็นหลัง
2. อยากได้ทั้งหมดกี่ห้อง ห้องใหญ่ประมาณไหน อยู่กันกี่คน เป็นต้น
3. เฟอร์นิเจอร์ที่ติดอยู่ในห้อง ต้องการมั้ย เช่น เตาแก็ส, เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
4. ราคาค่าเช่าห้อง เราพึงพอใจกับราคานี้มากน้อยแค่ไหน เพราะต้องจ่ายทุกเดือนเลยนะ
5. สิ่งแวดล้อมรอบๆอาคาร เช่น ใกล้สถานี, ถ้ามีเด็กก็อยากจะให้ใกล้สวนสาธารณะ, ใกล้โรงเรียน, หรือ มหาลัยที่จะไป เป็นต้น
6. อื่นๆ ที่เราต้องการ เช่น เลี้ยงสัตว์ได้, มีที่จอดรถให้ เป็นต้นค่ะ
จี้ต้องการ “ห้องเดี่ยวที่ใกล้มหาลัย หรือไม่ก็ใกล้สถานีรถไฟ ค่าเช่าต่อเดือนประมาณ OO,OOOเยน ถ้ามีเฟอร์นิเจอร์ให้ทั้งหมดจะดีมาก” เยอะไปมั้ย ฮ่าๆๆ
คำแนะนำ ถ้าก่อนมาดูห้อง ควรจะดูห้องต่างๆในอินเตอเนตก่อน แล้วจดชื่อสถานที่นั้นมา เพราะจะได้ประหยัดเวลา และสามารถให้เขาพาไปดูห้องจริงที่ต้องการได้ไวขึ้น และเยอะขึ้นค่ะ บางทีห้องที่เราดูในเนตสวยงาม แต่ไปจริงอาจจะไม่สวยแบบนั้น และอาจจะเดินไกล หรือไม่มีลิฟต์ให้ เป็นต้น แนะนำว่าควรจะมาดูของจริงเลยจะดีกว่า

แบบห้องในประเทศญี่ปุ่น สามารถแบ่งได้ดังนี้
1R หรือ One Room เป็นห้องเดียว ทุกอย่างรวมในนั้น ไม่มีประดูกั้นเลยค่ะ ยกเว้นประตูกั้นระหว่างห้อง กับ ห้องน้ำ
1K คือ หนึ่งห้องนอน, หนึ่งห้องครัว บางที่ไม่มีประตูกั้นค่ะ ออกแนว 1R
1DK คือ หนึ่งห้องนอน, หนึ่งห้องครัว ส่วนมากเป็นแบบที่มีประตูกั้นค่ะ
1LDK คือ หนึ่งห้องนอน, หนึ่งห้องครัว, หนึ่งห้องนั่งเล่น ค่ะ
ตัวเลขข้างหน้า คือ ห้องนอน
L คือ Living room, ห้องนั่งเล่น
K คือ Kitchen, ห้องครัว
ถ้าเป็น 2LDK คือ สองห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น
นายหน้าจะเป็นคนพาเราไปดูห้องทั้งหมดที่เราอยากจะดู (เขาขับรถไปค่ะ) เขาเต็มใจที่จะทำ เพราะเขาต้องการให้เราพอใจ (สมกับเป็นคนญี่ปุ่น) เพราะงั้นไม่ต้องเกรงใจเลยนะคะ ฮ่าๆๆ วันเดียว จี้ไปดูมาประมาณ 7 ห้องเลยทีเดียว
ตอนก่อนที่เขาจะพาไปดู เขาจะปริ้นใบ ด้านล่างนี้ให้เราด้วย เป็นรายละเอียดต่างๆในห้องที่เราต้องการดู เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า แต่ละห้องมีเงื่อนไขอย่างไร ค่าห้องเท่าไหร่ เหมาะสมกับที่เราต้องการมั้ย เราสามารถเอาใบนี้กลับไปได้ จะได้ไม่ลืมข้อมูล เราสามารถจดรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมเองได้ด้วย
ค่าเช่าห้องครั้งแรก ที่ต้องจ่ายก่อนเข้าห้องใหม่นั้น มีอะไรต้องจ่ายบ้างนะ?
บางอันขึ้นอยู่กับห้องที่เราจะเช่า ส่วนมากที่มี ได้แก่
1. เรคิน (礼金) ค่าขอบคุณเจ้าของบ้าน หรือเป็นเงินค่าตอบแทนที่เจ้าของบ้านให้เราเช่าบ้าน ว่าง่ายๆเป็นเงินให้เปล่าครั้งแรกค่ะ คือเราไม่ได้คืนแน่นอน ส่วนใหญ่ราคาของเรคินจะเก็บเท่ากับเงินค่าเช่า หรือประมาณ 2 เท่าของเงินค่าเช่าค่ะ
(แพงมากกกก จี้เลยบอกให้นายหน้าหาให้ห้องแบบไม่ต้องจ่ายเรคิน)
2. ชิคิคิน (敷金) เงินมัดจำ หรือ ค่าประกัน ว่าเราอาจจะทำห้องสกปรกเลอะเทอะ ของพัง แล้วตอนจะออกเราจะไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายค่ะ ส่วนมากจะไม่ได้คืนทั้งหมดที่จ่าย เพราะเจ้าของบ้านจะยัดเหยียดข้อหาต่างๆมาหักเงินนี้ล่ะ
3. ยะจิน (家賃) ค่าเช่าบ้านของเดือนแรก แต่ถ้าย้ายไปกลางๆเดือนก็ต้องคำนวนกันไปว่าต้องเสียเท่าไหร่
4. ค่าประกันไฟไหม้ ค่าเปลี่ยนกุญแจ ค่าทำความสะอาด ค่ากำจัดแมลง (พวกปลวก แมลงสาบต่างๆ) เยอะแยะมากมายค่าาา แต่ส่วนมากก็จะเก็บกันทีประมาณ 50,000 เยนเลยล่ะ
5. ค่านายหน้า ที่คอยดำเนินเรื่องทั้งหมดให้ ส่วนมากค่านายหน้าจะเท่ากับค่าเช่าเดือนนึงที่เราจะต้องจ่ายให้เจ้าของบ้าน แต่บางทีเขาก็แอบลดตรงนี้ให้ได้ เพราะมันเป็นเงินคอมมิชชั่นที่เขาจะได้ค่ะ ฮ่าๆ
6. ค่าค้ำประกัน สำหรับคนที่ต้องใช้บริษัทค้ำประกัน แต่ถ้าเรามีคนค้ำประกันให้ เราก็ไม่ต้องเสียค่าค้ำประกันค่ะ
และอาจจะมีค่าอื่นๆอีก ตามออฟชั่นที่เราอยากได้ เช่น ค่าพ่นยากันแมลงสาบ ค่าทำความสะอาดก่อนเข้าอยู่ เป็นต้น
ทั้งหมดนี่ ล่อไปประมาณ 200,000 เยน (ตีเป็น 80,000 บาทได้เลยค่ะ จะเป็นลม) แค่ค่าย้ายบ้านนะคะ ยังไม่รวมค่าเช่า หรือค่าเฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่ต้องซื้อเข้ามา
หลังจากที่จ่ายทั้งหมดแล้ว เราก็จะได้สัญญาฉบับจริงมาครอบครอง อีกฉบับจะอยู่กับเจ้าของบ้านค่ะ และหลังจากนั้นเราก็สามารถย้ายเข้าห้องได้ตามวันที่ตกลงไป ต้องคุยรายละเอียดเรื่องวันที่จะย้ายเข้าให้ดี เพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะเตรียมห้องให้พร้อมเมื่อไหร่
เป็นยังไงคะ วิธีดำเนินเรื่อง และค่าใช้จ่ายการเช่าห้องญี่ปุ่นก็ประมาณนี้ล่ะ
รายละเอียดเยอะแยะเกินไปมั้ยคะ? รู้สึกจุกจิกมั้ย ฮ่าๆๆ
ไม่เหมือนที่ไทยเท่าไหร่เนอะ อยากไปดูห้องไหนก็ติดต่อเจ้าของห้องได้เลย ที่ไทยดูไม่เรื่องมากเท่าไหร่เลย
แต่ว่าการมีนายหน้าทำให้เราหาห้องตามที่ต้องการได้รวมเร็ว และไม่เสียเวลาหาเองค่ะ และแล้วจี้ก็ได้ห้องที่เกียวโตมาครอบครอง ตามที่ต้องการเป๊ะเลยย เดินไปมหาลัยได้เพียงแค่ 3 นาที ปั่นจักรยานไปสถานีที่ใกล้ที่สุดแค่ 10 นาที คิคิคิ เริ่ดมากก บอกเบยยย
